ว่าด้วยเรื่อง มอเตอร์เกียร์ปรับรอบ

มอเตอร์เกียร์ปรับรอบ

มอเตอร์เกียร์ปรับรอบ เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นอย่างมากในการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ อย่างที่หลายคนทราบกันว่ามอเตอร์มีหน้าที่หลัก ๆ ในการลำเลียงขนส่งสินค้าที่อยู่ภายในห้างหรือในโรงงาน ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสมของการใช้งาน ในบทความจะมากล่าวถึงมอเตอร์เกียร์ชนิดนี้ให้รู้จักมากยิ่งขึ้น 

 

มอเตอร์เกียร์ปรับรอบ คืออะไร 

มอเตอร์เกียร์ปรับรอบคืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ผู้ใช้งานปรับระดับของความเร็วได้ตามความต้องการไม่ว่าจะเป็นความเร็วระดับสูง ปานกลาง หรือต่ำ วิธีปรับก็คือการใช้มือในการหมุนเพื่อที่จะปรับค่าโดยมีตัวเลขกำกับไว้ นอกจากนี้ยังสามสามารถลดหรือเพิ่มแรงบิดได้อีกด้วย สามารถแบ่งมอเตอร์ประเภทนี้ได้เป็นสองแบบ ได้แก่ 

  • เกียร์ปรับรอบแบบแห้ง จะเป็นการใช้พื้นที่บริเวณแผ่นกราไฟต์ซึ่งเป็นหน้าสัมผัส มอเตอร์ชนิดนี้มีความพิเศษคือ ทำงานได้อย่างสะดวกลื่นไหล แม้จำเป็นการทำงานระหว่างที่กำลังปรับค่าอยู่ก็ยังไม่มีการสะดุดแต่อย่างใด รักษาง่าย นั่นเพราะไม่จำเป็นที่จะต้องทำการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์อยู่เป็นประจำ 
  • เกียร์ปรับรอบแบบใช้น้ำมัน การทำงานจะเหมือนเกียร์ปรับรอบแบบแห้ง แต่ต่างกันตรงที่มีการหล่อลื่นด้วยน้ำมัน การรักษาจะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน เพื่อการทำงานของมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

 

การใช้งานของมอเตอร์เกียร์ปรับรอบ และวิธีการเลือก 

ในส่วนของการทำงานของมอเตอร์เกียร์ปรับรอบนั้น จะมีความคล้ายคลึงกับการทำงานของมอเตอร์ โดยนิยมใช้กับการลำเลียงขนส่งสินค้าหรืออาหารฟาร์มผ่านสายพานลำเลียง สามารถปรับค่าความเร็วได้ตามที่ต้องการ เพื่อความเหมาะสมของงานในแต่ละประเภท สำหรับการเลือกใช้งานมอเตอร์เกียร์ประเภทนี้นั้น จะต้องเลือกมอเตอร์ที่มีคุณภาพ ก่อนซื้อนั้นผู้ใช้งานจำเป็นต้องกำหนดวัตถุประสงค์ที่ต้องการใช้งานเสียก่อนว่าจะซื้อมาใช้กับงานเบาหรืองานหนัก นอกจากนี้ยังต้องคำนึงความเร็วต่อรอบ กำลังมอเตอร์ ระดับการปรับ และแรงบิดของมอเตอร์ด้วย ช่วยให้การเลือกดูละเอียดมากกว่าเดิม สินค้าที่ได้รับมาต้องได้มาตรฐานระดับสากล มีคุณภาพสูง ราคาเข้าถึงได้ ไม่แพงจนเกินงบที่กำหนด 

 

จะเห็นว่ามอเตอร์เกียร์ปรับรอบเป็นมอเตอร์อีกหนึ่งชนิดที่จำเป็นสำหรับการใช้งานไม่ว่าจะเป็นงานไหนหรือโรงงานอุตสาหกรรมใดก็ตาม เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจึงจำเป็นต้องเลือกจากปัจจัยหลัก ๆ อย่างคุณภาพของสินค้า การรับรองมาตรฐานจากองค์กรต่าง ๆ หรือหากพิจารณาโดยละเอียดก็คือ ความเร็ว แรงบิด การปรับระดับ กำลังมอเตอร์ ซึ่งต้องเหมาะสมกับการใช้งานด้วย หากเลือกมาผิดก็จะเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้นควรศึกษาข้อมูลมาให้ดีก่อนเลือกซื้อทุกครั้งด้วย เพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้ที่เกี่ยวข้อง ลดการผิดพลาดและประหยัดเวลาลง